อเมริกา🗺ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งนักเรียนไทยจะรู้จักเมืองใหญ่ๆเป็นอย่างดี เช่น New York, Boston, Chicago, Los Angeles, San Francisco ด้วยความที่เป็นประเทศใหญ่ ฉะนั้นจึงทำให้มีสภาพอากาศรวมถึงสิ่งแวดล้อมความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ
อเมริกาแบ่งออกเป็น 6 โซน (Time zone) ดังนี้
Eastern Time (EST) จะช้ากว่าไทย 10 ชม. (Summer จะช้ากว่า 10 ชม.)
Central Time (CST) จะช้ากว่าไทย 11 ชม. (Summer จะช้ากว่า 12 ชม.)
Mountain Time (MST) จะช้ากว่าไทย 12 ชม. (Summer จะช้ากว่า 13 ชม.)
Pacific Time (PST) จะช้ากว่าไทย 13 ชม. (Summer จะช้ากว่า 14 ชม.)
Alaska Time (AKST) จะช้ากว่าไทย 15 ชม. ตลอดทั้งปี
Hawaii Time (HAST) จะช้ากว่าไทย 17 ชม. ตลอดทั้งปี
ระบบการศึกษา
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในสหรัฐอเมริกา
นักศึกษาจะต้องได้รับประกาศนียบัตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือประกาศนียบัตรความสามารถทางด้านวิชาการในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (GED) ก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา นักศึกษาอาจจะเลือกเรียน 4 ปี เพื่อที่จะได้คุณวุฒิปริญญาตรี หรือเรียนเพียง 2 ปีเพื่อที่จะได้คุณวุฒิอนุปริญญาตรี
การศึกษาระดับอนุปริญญาตรี (Associate Degree)
การศึกษาระดับอนุปริญญาตรีอาจเป็นหลักสูตรโอนย้ายที่เทียบเท่ากับหลักสูตรปริญญาตรีในช่วงสองปีแรก หรือสองปีสุดท้าย ซึ่งเตรียมพร้อมนักศึกษาสำหรับอาชีพใดอาชีพหนึ่งโดยเฉพาะ
หลักสูตรสองปีที่วิทยาลัยชุมชนหรือวิทยาลัยเอกชน
ประเภทของคุณวุฒิ: อนุปริญญาตรีด้านศิลปศาสตร์ (Associate of Arts: AA) หรืออนุปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์ (Associate of Science: AS)
นักศึกษาสามารถที่จะโอนย้ายไปศึกษาต่อได้ที่วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตร 4 ปี
วิทยาลัยประจำท้องถิ่น (Community College) ซึ่งอาจเป็นของรัฐหรือเอกชน คือสถาบันที่ตั้งอยู่ในชุมชน และยังเป็นที่รู้จักในนามของวิทยาลัยประจำเขต (County College) วิทยาลัยทั่วไป (Junior College) วิทยาลัยเทคโนโลยี (Technology College) หรือวิทยาลัยประจำเมือง (City College)
การศึกษาระดับปริญญาตรี
การศึกษาระดับปริญญาตรีในสหรัฐอเมริกามีความยืดหยุ่นสูง โดยนักศึกษาสามารถเลือกสาขาได้อย่างหลากหลาย
ใช้ระยะเวลาศึกษา 4 ปีในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยจะใช้คะแนนสอบ SAT หรือ ACT เป็นเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณารับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อ
โดยทั่วไปแล้วการศึกษาระดับปริญญาตรีจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะแรกจะเป็นการเรียนวิชาพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วยวิชาหลักๆ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพและสังคมศาสตร์ ระยะที่สองจะให้ความสำคัญกับวิชาที่นักศึกษาเลือกเรียน หรือที่เรียกว่าวิชาเอก
ประเภทของปริญญาตรี ได้แก่ ศิลปศาสตร์บัณฑิต (Bachelor of Arts: BA), วิทยาศาสตร์บัณฑิต (Bachelor of Science: BS) และอื่นๆ
นักศึกษาจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเมื่อเก็บหน่วยกิตได้ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด (โดยปกติแล้ววิชาหนึ่งจะมี 3-4 หน่วยกิต) และสอบผ่านวิชาบังคับในสาขาวิชาเอก
สหรัฐอเมริกามีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน ในขณะที่วิทยาลัยของรัฐได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล วิทยาลัยเอกชนก็ดำเนินงานด้วยเงินทุนของเอกชนและมีแนวโน้มที่จะมีขนาดเล็กกว่า ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยก็คือวิทยาลัยมีแนวโน้มที่จะมีขนาดเล็กกว่ามหาวิทยาลัย และเปิดสอนเฉพาะหลักสูตรระดับปริญญาตรี ในขณะที่มหาวิทยาลัยจะเปิดสอนหลักสูตรปริญญาโท - เอกด้วย
การศึกษาระดับปริญญาโท
การศึกษาระดับปริญญาโท ไม่ว่าจะเป็นสายวิชาการหรืออาชีพ นักศึกษาจะได้รับความรู้เพิ่มเติมและการฝึกอบรมในสาขาวิชาเฉพาะ หลักสูตรปริญญาโทจะมีให้เลือกหลากหลายสาขา
โดยทั่วไปแล้วการศึกษาระดับปริญญาโทจะใช้เวลา 2 ปี ในสาขาวิชาเฉพาะ
สำหรับหลักสูตร MBA มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะใช้คะแนนสอบ Graduate Management Admissions Test (GMAT ® ) เป็นเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณารับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อ
การศึกษาภายหลังระดับปริญญาโท – เอก
นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วสามารถที่จะศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอก ซึ่งรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า (PhD.) ได้อย่างต่อเนื่อง การศึกษาภายหลังระดับปริญญาตรีในสหรัฐอเมริกาจะเป็นการศึกษาวิชาเฉพาะที่เข้มข้นกว่าหลักสูตรปริญญาตรี และถือว่านักศึกษาจะต้องมีความรู้พื้นฐานในสาขาวิชาที่เลือกเรียนอยู่แล้ว
อเมริกาแบ่งออกเป็น 6 โซน (Time zone) ดังนี้
Eastern Time (EST) จะช้ากว่าไทย 10 ชม. (Summer จะช้ากว่า 10 ชม.)
Central Time (CST) จะช้ากว่าไทย 11 ชม. (Summer จะช้ากว่า 12 ชม.)
Mountain Time (MST) จะช้ากว่าไทย 12 ชม. (Summer จะช้ากว่า 13 ชม.)
Pacific Time (PST) จะช้ากว่าไทย 13 ชม. (Summer จะช้ากว่า 14 ชม.)
Alaska Time (AKST) จะช้ากว่าไทย 15 ชม. ตลอดทั้งปี
Hawaii Time (HAST) จะช้ากว่าไทย 17 ชม. ตลอดทั้งปี
ระบบการศึกษา
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในสหรัฐอเมริกา
- ตั้งแต่ปีที่ 9 –12 โดยทั่วไปแล้วเด็กจะมีอายุ 14/15 – 17/18 ปี
- ภายหลังจบการศึกษาชั้นปีที่ 12 นักเรียนจะได้รับประกาศนียบัตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
- นักเรียนที่ไม่ได้รับประกาศนียบัตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอาจเข้าทดสอบ General Education Development (GED) ซึ่งเป็นประกาศนียบัตรความสามารถทางด้านวิชาการในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
นักศึกษาจะต้องได้รับประกาศนียบัตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือประกาศนียบัตรความสามารถทางด้านวิชาการในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (GED) ก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา นักศึกษาอาจจะเลือกเรียน 4 ปี เพื่อที่จะได้คุณวุฒิปริญญาตรี หรือเรียนเพียง 2 ปีเพื่อที่จะได้คุณวุฒิอนุปริญญาตรี
การศึกษาระดับอนุปริญญาตรี (Associate Degree)
การศึกษาระดับอนุปริญญาตรีอาจเป็นหลักสูตรโอนย้ายที่เทียบเท่ากับหลักสูตรปริญญาตรีในช่วงสองปีแรก หรือสองปีสุดท้าย ซึ่งเตรียมพร้อมนักศึกษาสำหรับอาชีพใดอาชีพหนึ่งโดยเฉพาะ
หลักสูตรสองปีที่วิทยาลัยชุมชนหรือวิทยาลัยเอกชน
ประเภทของคุณวุฒิ: อนุปริญญาตรีด้านศิลปศาสตร์ (Associate of Arts: AA) หรืออนุปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์ (Associate of Science: AS)
นักศึกษาสามารถที่จะโอนย้ายไปศึกษาต่อได้ที่วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตร 4 ปี
วิทยาลัยประจำท้องถิ่น (Community College) ซึ่งอาจเป็นของรัฐหรือเอกชน คือสถาบันที่ตั้งอยู่ในชุมชน และยังเป็นที่รู้จักในนามของวิทยาลัยประจำเขต (County College) วิทยาลัยทั่วไป (Junior College) วิทยาลัยเทคโนโลยี (Technology College) หรือวิทยาลัยประจำเมือง (City College)
การศึกษาระดับปริญญาตรี
การศึกษาระดับปริญญาตรีในสหรัฐอเมริกามีความยืดหยุ่นสูง โดยนักศึกษาสามารถเลือกสาขาได้อย่างหลากหลาย
ใช้ระยะเวลาศึกษา 4 ปีในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยจะใช้คะแนนสอบ SAT หรือ ACT เป็นเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณารับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อ
โดยทั่วไปแล้วการศึกษาระดับปริญญาตรีจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะแรกจะเป็นการเรียนวิชาพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วยวิชาหลักๆ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพและสังคมศาสตร์ ระยะที่สองจะให้ความสำคัญกับวิชาที่นักศึกษาเลือกเรียน หรือที่เรียกว่าวิชาเอก
ประเภทของปริญญาตรี ได้แก่ ศิลปศาสตร์บัณฑิต (Bachelor of Arts: BA), วิทยาศาสตร์บัณฑิต (Bachelor of Science: BS) และอื่นๆ
นักศึกษาจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเมื่อเก็บหน่วยกิตได้ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด (โดยปกติแล้ววิชาหนึ่งจะมี 3-4 หน่วยกิต) และสอบผ่านวิชาบังคับในสาขาวิชาเอก
สหรัฐอเมริกามีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน ในขณะที่วิทยาลัยของรัฐได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล วิทยาลัยเอกชนก็ดำเนินงานด้วยเงินทุนของเอกชนและมีแนวโน้มที่จะมีขนาดเล็กกว่า ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยก็คือวิทยาลัยมีแนวโน้มที่จะมีขนาดเล็กกว่ามหาวิทยาลัย และเปิดสอนเฉพาะหลักสูตรระดับปริญญาตรี ในขณะที่มหาวิทยาลัยจะเปิดสอนหลักสูตรปริญญาโท - เอกด้วย
การศึกษาระดับปริญญาโท
การศึกษาระดับปริญญาโท ไม่ว่าจะเป็นสายวิชาการหรืออาชีพ นักศึกษาจะได้รับความรู้เพิ่มเติมและการฝึกอบรมในสาขาวิชาเฉพาะ หลักสูตรปริญญาโทจะมีให้เลือกหลากหลายสาขา
โดยทั่วไปแล้วการศึกษาระดับปริญญาโทจะใช้เวลา 2 ปี ในสาขาวิชาเฉพาะ
- หลักสูตรปริญญาโทสายวิชาการ ได้แก่ ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (Master of Arts: MA) และวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (Master of Science: MS)
- หลักสูตรปริญญาโทสายอาชีพ ได้แก่ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (Master of Business Administration: MBA), ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต (Master of Education: MEd), สังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาบัณฑิต (Master of Social Work: MSW) และอื่นๆ
สำหรับหลักสูตร MBA มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะใช้คะแนนสอบ Graduate Management Admissions Test (GMAT ® ) เป็นเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณารับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อ
การศึกษาภายหลังระดับปริญญาโท – เอก
นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วสามารถที่จะศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอก ซึ่งรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า (PhD.) ได้อย่างต่อเนื่อง การศึกษาภายหลังระดับปริญญาตรีในสหรัฐอเมริกาจะเป็นการศึกษาวิชาเฉพาะที่เข้มข้นกว่าหลักสูตรปริญญาตรี และถือว่านักศึกษาจะต้องมีความรู้พื้นฐานในสาขาวิชาที่เลือกเรียนอยู่แล้ว
รัฐที่ได้รับความนิยมในการศึกษาต่อ
หลักสูตรภาษาอังกฤษ
รายชื่อสถาบัน
Embassy English
ELS Universal English College
Kaplan International English
ILSC
EC English Language Centres
รายชื่อสถาบัน
Embassy English
ELS Universal English College
Kaplan International English
ILSC
EC English Language Centres
ขั้นตอนการขอวีซ่านักเรียนอเมริกา